Food Safety Modernization Act (FSMA) กฎหมายว่าด้วย “การปรับปรุงความปลอดภัยอาหารให้ทันสมัย”
สหรัฐอเมริกา ให้ความสำคัญต่อการป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัยอาหาร ทั้งการก่อการร้ายทางชีวภาพ การปนเปื้อนเชื้อก่อโรค และการปลอมปนอาหาร องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (U.S.FDA) จึงได้ประกาศ “Food Safety Modernization Act” (กฎหมายการปรับปรุงความปลอดภัยอาหารให้ทันสมัย; FSMA) เมื่อวีนที่ 4 มกราคม 2554 เพื่อทดแทน Food, Drug and Cosmetic (FD&C) Act ซึ่งถือเป็นการยกเครื่องกฎหมายแม่บทด้านความปลอดภัยอาหารในประวัติศาสตร์ 70 ปี ของสหรัฐอเมริกา
ที่มาของการประกาศกฎหมาย FSMA
- สหรัฐอเมริกา นำเข้าอาหารถึง ร้อยละ 15 ของปริมาณการบริโภคในประเทศ
- กฎหมายแม่บทฉบับเดิม ใช้มาตั้งแต่ปี 1938
- ก้าวให้ทันเทคโนโลยีและเทคนิคการผลิตใหม่ๆ
- ความวิตกกังวล “การก่อการร้ายทางชีวภาพ”
- ปัญหาการเจ็บป่วยจากเชื้อก่อโรคในอาหาร
- วิกฤติการณ์ปลอมแปลง-ปลอมปนทั่วโลก
ระเบียบย่อยที่สำคัญ 7 ฉบับ (Core Regulations)
ระเบียบย่อยที่สำคัญ 7 ฉบับ เรียกว่า Core Regulations มีส่วนสำคัญต่อการสร้างกลไกตรวจทวนสอบย้อนกลับผู้ผลิตและแปรรูป และกำหนดให้ผู้นำเข้า หน่วยงานรับรองระบบงาน และหน่วยตรวจประเมิน เข้ามามีส่วนร่วม แล้วจึงควบคุมขั้นตอนการขนส่งภายในสหรัฐฯ ให้เกิดความปลอดภัยจนถึงมือผู้บริโภค
Core Regulations ของกฎหมาย FSMA ได้แก่
- การควบคุมเชิงป้องกันสำหรับอาหารมนุษย์
- การควบคุมเชิงป้องกันสำหรับอาหารสัตว์
- ความปลอดภัยของผลิตผลจากฟาร์ม
- การป้องกันการปลอมปนโดยจงใจ
- สุขลักษณะในการขนส่งอาหารและอาหารสัตว์
- การทวนสอบซัพพลายเออร์ต่างประเทศ
- การตรวจประเมินโดยหน่วยงานบุคคลที่สาม
Core Regulations ของ FSMA ได้ถูกกำหนดให้ทยอยมีผลบังคับใช้ต่อผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปี 2565 โดยมีหลักการกำหนด ระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวหรือมีแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับระเบียบ ดังนี้
- ให้เวลา กิจการขนาดเล็ก ซึ่งกระจายสินค้าในวงแคบ มียอดขายต่อปีต่ำกว่าเกณฑ์ หรือมีแนวโน้มจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างหากพบว่าเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยอาหาร เช่น ฟาร์มที่จำหน่ายผลิตผลในพื้นที่ของตนเอง หรือ โรงงานที่ผลิตอาหารจำหน่ายภายในมลรัฐเดียวกัน มีระยะเวลาเปลี่ยนผ่านนานกว่ากิจการขนาดใหญ่
- มีข้อยกเว้นเป็นพิเศษสำหรับกิจการที่เข้าหลักเกณฑ์พิจารณา หรือได้ยื่นความจำนงไว้ล่วงหน้าเป็นรายกรณี