เลขาธิการ มกอช. เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกฎระเบียบสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ของสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation: EUDR) ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุม 134 - 135 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

4 Jun 2568
10
เลขาธิการ มกอช. เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกฎระเบียบสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ของสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation: EUDR) ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุม 134 - 135 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นำทีมขับเคลื่อนสินค้าเกษตรไทย เดินหน้าปรับตัวตามกฎ EUDR ย้ำความพร้อมทุกภาคส่วน ก้าวสู่การส่งออกอย่างยั่งยืน
              ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกฎระเบียบสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ของสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation: EUDR) ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุม 134 - 135 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีเป้าหมายหลักในการบูรณาการดำเนินงานร่วมกับ 28 หน่วยงานสำคัญ หารือแนวทางในการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรและอาหารของไทย และพร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนด EUDR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
             “ในการประชุม ได้มีการพิจารณาร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนฯ EUDR 10 คณะ ได้แก่ คณะทำงานด้านการจัดทำแผนที่ คณะทำงานด้านการเจรจากับองค์กรระหว่างประเทศและต่างประเทศ คณะทำงานด้านการส่งเสริมการผลิตและการปรับตัวของเกษตรกร และคณะทำงานรายสินค้า ได้แก่ ยางพารา ไม้ ปาล์มน้ำมัน โกโก้ กาแฟ ถั่วเหลือง และโค ซึ่งสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ได้รับมอบหมายให้เร่งรัดการเสนอแต่งตั้งคณะทำงานฯ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด EUDR ได้ทันภายในปลายปีนี้” นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล เลขาธิการ มกอช. กล่าว
             ทั้งนี้ นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งที่อียูได้ประกาศรายชื่อประเทศที่ได้รับการจัดกลุ่มความเสี่ยงต่อการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (Country Benchmarking) โดยประเทศไทยได้รับการจัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำ ซึ่งส่งผลดีอย่างยิ่งต่อระดับความน่าเชื่อถือและช่วยลดความยุ่งยากของการตรวจสอบสถานะสินค้านำเข้าจากประเทศไทย อันเป็นผลจากความร่วมมือของทุกภาคฝ่ายในการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเร่งเครื่องนโยบายเกษตรยั่งยืน ติดปีกภาพลักษณ์สินค้าไทยให้โดดเด่นในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใสตลอดห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยในเวทีโลก